ลักษณะเฉพาะของระบบป้องกันฟ้าผ่าหาได้จากลักษณะเฉพาะของสิ่งปลูกสร้างที่จะป้องกันและจากระดับป้องกันฟ้าผ่าที่พิจารณาลักษณะเฉพาะของสิ่งปลูกสร้างที่จะป้องกันและระดับป้องกันฟ้าผ่าจะเป็นตัวกำหนดชั้นของระบบป้องกันฟ้าผ่าจะเป็นตัวกำหนดชั้นของระบบป้องกันฟ้าผ่าซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ชั้นตามตารางที่ 3.1
3.1.2 ระดับการป้องกันที่จะใช้เป็นไปตามภาคผนวก ข. กรณีที่อาคารหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษต้องมีการประเมินความเสี่ยงตามภาคผนวก ค. และระดับการป้องกันต้องไม่ด้อยกว่าที่ประเมินได้
ตารางที่ 3.1 ความสัมพันระหว่างระดับการป้องกันฟ้าผ่ากับชั้นของระบบป้องกันฟ้าผ่า
| ระดับการป้องกันฟ้าผ่า(LPL) |
ชั้นของระบบป้องกันฟ้าผ่า(class of LPS) |
ประสิทธิภาพของระดับการป้องกัน(%) |
| I |
I |
99 |
| I I |
I I |
97 |
| I I I |
I I I |
91 |
| I V |
I V |
84 |
หมายเหตุ: ระดับป้องกันฟ้าผ่า I เป็นระดับการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
3.2 การออกแบบระบบป้องกันฟ้าผ่า
3.2.1 สำหรับสิ่งปลูกสร้างไหม่
ในการออกแบบระบบป้องกันฟ้าผ่าสำหรับสิ่งปลูกสร้างไหม่ควรใช้ประโยชน์ของทุกส่วนโลหะของสิ่งปลูกสร้างให้เป็นส่วนประกอบของระบบป้องกันฟ้าผ่าให้ได้มากที่สุด
3.2.2 สำหรับสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่เดิม
การเลือกชั้นของระบบป้องกันฟ้าผ่าและตำแหน่งของระบบป้องกันฟ้าผ่าสำหรับสิ่งปลูกสร้างอาคารที่มีอยู่แล้ว ต้องคำนึงถึงข้อกำจัดต่างๆ ของสิ่งปลูกสร้างเดิม หรือสภาพการณ์ที่มีอยู่ด้วย
3.2.3 ความต่อเนื่องของงานเหล้กในสิ่งปลูกสร้างคอนกรีตเสริมแรง
งานเหล็กภายในสิ่งปลูกสร้างคอนกรีตเสริมแรงจะถือว่ามีความต่อเนื่องทางไฟฟ้าเมื่อมีการเชื่อมระหว่างแท่งเหล็กแนวดิ่งและแนวระดับ หรือ การขันด้วยแคลมป์ หรือการ ซ้อนทับกันด้วยระยะอย่างน้อย 20 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กแล้วผูก หรือใช้วิธีต่ออื่น ๆ ที่มั่นคง(ดูรูปที่ 3.1)
รูปที่ 3.1ก จุดต่อแบบเชื่อม
(เพือ่รับกระแสฟ้าผ่าและประโยชน์ทาง EMC)
รูปที่ 3.1ข จุดต่อแบบแคลมป์ตาม IEC 62561
(เพื่อรับกระแสฟ้าผ่าและประโยชน์ทาง EMC )
รูปที่ 3.1ค จุดต่อแบบผูก
(เพื่อรับกระแสฟ้าผ่าและประโยชน์ทาง EMC)
รูปที่ 3.1ง จุดต่อแบบมัด
(เพื่อประโยชน์ทาง EMC แต่รับกระแสฟ้าผ่าไม่ได้)
รูปที่ 3.1 แบบฉบับวิธีการต่อของแท่งเหล็กเสริมแรงในคอนกรีต
(เมื่อได้รับอนุญาต)
สิ่งปลูกสร้างที่ใช้คอนกรีตเหล็กเสริมแรง (รวมทั้งชนิดสำเร็จรูปและชนิดอัดแรง)ต้องตรวจสอบความต่อเนื่องทางไฟฟ้าโดยการวัดค่าความต้านทานระหว่างส่วนที่อยู่บนสุดกับระดับดิน ค่าความต้ามทานทางไฟฟ้าทั้งหมดที่วัดได้ต้องไม่เกิน 0.2 โอห์มเมื่อวัดด้วยเครื่องมือทดสอบที่เหมาะสม ถ้าค่าที่วัดได้มากกว่าหรือไม่สามารถวัดได้ห้ามใช้เหล็กเสริมแรงเป็นตัวนำลงดินโดยธรรมชาติโดยให้ติดตั้งตัวนำลงดินเพิ่มเติม ในกรณีของสิ่งปลูกสร้างมี่ใช้คอนกรีตเสริมแรงชนิดสำเร็จรูปแต่ละแผ่นที่อยู่ติดกัน
หมายเหตุ:แคลมป์ที่ใช้ในการสร้างความต่อเนื่องของงานเหล็กในคอนกรีตเสริมแรงต้องสอดคล้องกับมาตรฐาน IEC 62561-1